วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทที่2

บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

การศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้

1. การค้าประเวณีคือ
2. หญิงที่ค้าประเวณีเรียกอีกอย่างว่า
3. ประวัติของการค้าประเวณี
4. คำว่ากระหรี่มีความสอดคล้ององกับผู้หญิงค้าประเวณีอย่างไร
5. ลักษณะการหาเลี้ยงชีพของผู้ที่ค้าประเวณี
6. วิธีการค้าประเวณี
7. กฎหมายของผู้ที่ค้าประเวณี
8. การค้าประเวณีในประเทศไทยเรา
9 .ข้อดีของผู้ที่ค้าประเวณี
10. ข้อเสียของผู้ที่ค้าประเวณี

1.การค้าประเวณีคือ
กระทำการใด ๆ เพื่อสำเร็จความใคร่ในทางกามารมณ์ของผู้อื่น อันเป็นการสำส่อน เพื่อสินจ้างหรือประโชน์อื่น

2.หญิงที่ค้าประเวณีเรียกอีกอย่างว่า
หญิงค้าประเวณีนั้นเรียกอีกย่างว่า นครโสเภณี แปลว่า "หญิงงามเมือง" (โสเภณี แปลว่า หญิงงาม) และมักตัดไปเรียกว่า "โสเภณี" เฉย ๆ ภาษาถิ่นอีสานเรียก "หญิงแม่จ้าง" ภาษาปากเรียก "กะหรี่", "หญิงหากิน" หรือ "อีตัว" เป็นต้น
http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2446673
                       
ภาพที่  2.1 ผู้หญิงบริการในตู้กระจก
3.ประวัติของการค้าประเวณี
    ในสมัยดึกดำบรรพ์ หญิงโสเภณีไม่มีราคาหรือไม่ถือว่าต่ำช้า เพราะในสมัยนั้นไม่ถือธรรมเนียมหรือคุณค่าทางพรหมจารี การสมสู่เป็นไปโดยเสรีและสะดวก ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏว่า ชาวสลาฟโบราณถือว่า หญิงดีมีค่านั้นจะต้องมีชายรักใคร่เสน่หาร่วมประเวณีมาก่อนสมรส ถ้าสามีตรวจพบว่าภริยาของตนมีพรหมจารีที่ยังไม่ถูกทำลายก็มักไม่พอใจ บางรายถึงขนาดขับไล่ไสส่งภริยาไปก็มี เนื่องจากอุดมคติในเรื่องพรหมจารีมีอยู่เช่นนี้ จึงทำให้ผู้หญิงบางหมู่แสวงหาเครื่องหมายจากการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของชายคู่รักเพื่อเก็บไว้อวดชายที่มาเป็นสามี เมื่อเสรีภาพในการร่วมประเวณีมีอยู่เช่นนั้น หญิงโสเภณีในยุคแรกเริ่มเดิมทีก็นับว่าไม่มี จากการศึกษาพบว่า หญิงโสเภณีมีกำเนิดมาจากพิธีการทางศาสนา ปฏิบัติกันอยู่ในเอเชียตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ คือหญิงสาวจะต้องกระทำพิธีสละพรหมจารีของตนเพื่อบูชาเทวีผู้ซึ่งมีชื่อเรียกขานแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ของอินเดียได้แก่พิธีบูชาพระแม่กาลีซึ่งบางทีก็เรียก "ทุรคาบูชา" (ฮินดี: Durgapuja) พิธีเช่นว่านี้สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่าผู้หญิงมีความรู้สึกฝังใจอยู่กับชายคนแรกที่เธอร่วมประเวณีด้วย การสละพรหมจารีดังกล่าวจึงกระทำเพื่อบูชาเทวีเบื้องบนเสีย และชายผู้ร่วมประเวณีด้วยนั้นก็มักจะเป็นแขกแปลกหน้าที่หญิงนั้นไม่รู้จัก โดยถือกันว่าชายแปลกถิ่นเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะนำโชคลาภมาสู่ตน การสละพรหมจารีด้วยการร่วมประเวณีกับชายแปลกหน้านั้นบางแห่งก็มีสิ่งตอบแทน หญิงชาวบาบิโลนโบราณพากันมานั่งคอยชาวแปลกหน้าในวิหารเจ้าแม่อิชตาร์(Ishtar) เพื่อเข้าสู่พิธีสละพรหมจารีกับชายแปลกหน้า ถ้าชายพึงใจในหญิงคนใดก็จะโยนเหรียญมาที่ตักของเธอ หญิงที่ได้รับเหรียญจะต้องลุกตามเขาไปทันทีเพื่อประกอบพิธี โดยไม่ว่าเงินที่ชายโยนให้นั้นจะมากน้อยเพียงไร เมื่อได้พลีพรหมจารีแล้วก็เป็นอันหมดหน้าที่ หญิงนั้นจะได้กลับไปบ้านเมืองและครองชีวิตอย่างมีเกียรติพร้อมกับตั้งหน้าคอยโชคลาภต่อไป หญิงที่รูปไม่งามอาจต้องนั่งรอชายแปลกหน้าเป็นเวลาหลายปี ภาพล้อเลียนทางการเมืองแสดงสภาพโสเภณีในสังคมตะวันตกโบราณ ชื่อ "การขึ้นภาษีร้านค้าไม่ได้กระทบกระเทือนผู้ค้าปลีกศิลปะตะวันตก พ.ศ. 2330 บางท้องที่ก็มีพิธีกรรมทางโสเภณีเพื่อการศาสนา เช่น นักบวชหญิงร่วมกันจัดพิธีกรรมต่าง ๆ ทางโสเภณีซึ่งถือว่าเป็นการพลีกายเพื่อศาสนา เงินที่ได้จากพิธีกรรมทางเพศดังกล่าวจะส่งเข้าบำรุงศาสนา บางแห่งหญิงสาวต้องไปวัดเพื่อขอให้นักบวชชายเบิกพรหมจารีให้ โดยถือว่านักบวชเป็นตัวแทนของพระเจ้า บางแห่งหญิงสาวอุทิศตนเป็นนางบำเรอประจำวัด เพื่อร้องรำทำเพลงบำเรอพวกนักบวชและพวกธุดงค์ที่มาสักการะเทพเจ้าในสำนักตน ทั้งหมดนี้เป็นจุดกำเนิดของหญิงโสเภณีในปัจจุบัน แต่โสเภณีทางศาสนาดังกล่าวมาแล้วกระทำในคลองจารีตประเพณีของศาสนา ไม่อื้ออึงหรืออุจาดนัก ต่อมาเกิดมีธรรมเนียมใหม่คือ หญิงสาวหันมาเป็นโสเภณีเพื่อสะสมทุนทรัพย์สำหรับสมรส ชายที่สมสู่ไม่ต้องวางเงินบนแท่นบูชาแต่ให้ใส่ลงในเสื้อของหญิง ภายหลังหาเงินได้สองสามปีก็จะกลับบ้านเพื่อแต่งงาน และถือกันว่าหญิงที่ได้ผ่านการเป็นโสเภณีมาแล้วเป็นแบบอย่างของเมียและแม่ที่ดี การปฏิบัติของหญิงโสเภณีประเภทหลังนี้ บางคนก็กระทำไปโดยมิได้เกี่ยวข้องกับพิธีทางศาสนาเลย ครั้นกาลเวลาล่วงมา อารยธรรมในทางวัตถุนิยมเพิ่มมากขึ้น การโสเภณีทางศาสนาค่อยเลือนลางจางไป โดยมีโสเภณีทางโลกเข้ามาแทนที่ โรงหญิงโสเภณีโรงแรกจึงถือกำเนิดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ โดยเป็นโรงหญิงโสเภณีสาธารณะ เก็บเงินรายได้บำรุงการกุศล ผู้จัดตั้งชื่อ "โซลอน" (Solon) เป็นนักกฎหมายและนักปฏิรูป


วัตถุประสงค์ในการตั้งโรงหญิงโสเภณีดังกล่าวมีสองประการ คือ
1. เพื่อคุ้มครองอารักขาความบริสุทธิ์ให้แก่ครอบครัวของประชาชน มิให้มีการซ่องเสพชนิดลักลอบและมีชู้ และ
2. เพื่อหารายได้บำรุงการกุศลต่างๆจากนั้นโสเภณีก็ได้คลี่คลายขยายตัวเรื่อยมาจนกระทั่งเป็นอยู่อย่างปัจจุบัน

4.คำว่ากระหรี่มีความสอดคล้ององกับผู้หญิงค้าประเวณีอย่างไร
คำว่า "กะหรี่" เป็นคำตลาดหมายถึง หญิงโสเภณี ตัดทอนและเพี้ยนมาจากคำเต็มว่า "ช็อกกะรี" และคำ "ช็อกกะรี" นี้ก็เพี้ยนมาจาก "ชอกกาลี" ซึ่งมาจากคำ "โฉกกฬี" ในภาษาฮินดี แปลว่า เด็กผู้หญิง คู่กับ "โฉกกฬา ที่แปลว่า เด็กผู้ชาย เป็นทอด ๆ คำ "กะหรี่" ในความหมายว่า โสเภณี ยังไม่ปรากฏในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานฉบับใด ๆ แต่ราชบัณฑิตยสถานบันทึกไว้ใน พจนานุกรมคำใหม่ ว่า "กะหรี่ น. โสเภณี (เป็นคำไม่สุภาพ). ส่วนคำ "ช็อกกะรี" ปรากฏใน พจนานุกรมคำใหม่ เช่นกัน ความว่า "ช็อกกะรี น. โสเภณี."
5.ลักษณะการหาเลียงชีพของผู้ที่ค้าประเวณี
ส่วนที่ว่า "ค้าประเวณี" นั้นหมายความว่า หญิงใช้อวัยวะของตนเสมือนหนึ่งสินค้า รับจ้างปลดเปลื้องความใคร่ให้แก่ลูกค้าด้วยการร่วมประเวณีด้วย ถ้าเป็นแต่นวดให้ผู้ชาย เช่น หญิงตามสถานอาบอบนวด โดยมิได้กระทำชำเรา แม้จะได้กระทำการบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศอยู่บ้าง ก็มิได้ชื่อว่าเป็นหญิงโสเภณี

6.วิธีการค้าประเวณี
6.1 ยืนรอข้างถนน โดยการยืนรอคอยลูกค้าบริเวณหัวริมถนน และขายบริการทางเพศต่อในบริเวณโรงแรม หรือโรงแรมม่านรูด ในกรุงเทพ มีมากบริเวณ รอบสวนลุมพินีรอบสนามหลวง 
 
https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcStW9blTE1ek3fk-baIQ9EWY_Wop0VSDXkUgohYDaiL4L1hSGsWnw

ภาพที่ 6.2 ผู้ที่ยืนรอลูกค้าบริเวณริมหัวถนน

6.2 อาบอบนวด หรือ ซ่อง เป็นสถานบริการทางเพศโดยตรง โดยผู้ขายบริการจะนั่งรอภายในสถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง ในต่างจังหวัดบางที่ผู้ให้บริการ จะยืนรวมตัวรอบกองไฟ และมีห้องบริการไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการเข้ามาใช้บริการ ในประเทศไทยราคาการให้บริการมีตั้งแต่ 50 บาท จนถึงหลายหมื่นบาท สถานบริการอาบอบนวดมีกระจายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ในกรุงเทพมีมากบริเวณถนนพระราม 9 ถนนเพชรบุรี ถนนรัชดาภิเษก

https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTt0wlQWWUnhheRHcFdeeABXPSs1odNeAaoegli3I6UhKwnLZ3RRw

ภาพที่6.3 สถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง

6.3 สถานบันเทิง คาเฟ่ ร้านคาราโอเกะ สปา หรือร้านตัดผม บางแห่ง มีการบริการพิเศษแอบแฝงเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า ซ่องผิดกฎหมายบางแห่งอาจลักลอบเปิดโดยใช้ธุรกิจอื่นขึ้นบังหน้าเท่านั้น หรือบางครั้งอาจแอบอ้างตัวว่าเป็นธุรกิจอื่น เช่น นวดแผนโบราณ สปา จัดหาพริตตี้ เป็นต้น

http://board.postjung.com/data/532/532008-topic-ix-2.JPEG

ภาพที่ 6.4 สถานที่บริการที่ร้านคาราโอเกะ
6.4 หอพักของผู้ขายบริการ ในหลายประเทศการขายบริการประเภทนี้เป็นประเภทเดียวไม่ผิดกฎหมาย โดยเป็นที่นิยมใน ประเทศเยอรมนี เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทางผู้ขายบริการจะประกาศโฆษณาตามใบปลิว หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ
6.5 การโทรเรียก โดยลูกค้าติดต่อทางนายหน้า (หรือแมงดา หรือมาม่าซัง) เพื่อเรียกมาใช้บริการทางที่พักของลูกค้า หรือทางโรงแรมที่เตรียมไว้ ราคาการให้บริการจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานที่และชนิด โดยปกติ ผู้ชายที่ให้บริการ จะได้รายได้น้อยกว่าผู้หญิงที่ให้บริการ

https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQm_OQeKm7QdaWM41CNfB4ioP87xl_kke9ClReoepIY1KMESirE

ภาพที่6.5 โทรเรียกมามาใช้บริการทางที่พักของลูกค้า

7.กฎหมายของผู้ที่ค้าประเวณี
ในหลายประเทศ การขายและการซื้อบริการทางเพศถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่กิจการอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องถือว่าถูกกฎหมาย รวมทั้งการเรียกเก็บเงินจากผู้ให้บริการ การทำงานในสถานบริการทางเพศ ในประเทศมุสลิมบางประเทศ มีการลงโทษประหารชีวิตสำหรับผู้ให้บริการทางเพศ ในประเทศไทย การค้าประเวณีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ยอมให้ในสังคมไทยบางส่วน เช่นเดียวกับหลายประเทศในทวีปเอเชีย การเปิดสถานบริการอาบอบนวดในประเทศไทย ถูกจัดให้อยู่ในส่วนของสถานบริการทั่วไป ซึ่งไม่ผิดกฎหมาย โดยการขายบริการทางเพศของผู้ให้บริการถือเป็นการตกลงกันเองระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ถือเป็นความเข้าใจกันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางสถานบริการ โดยประมาณว่ามีผู้ขายบริการทางเพศในประเทศไทยมีประมาณ 130,000 คนในประเทศไทยรวมทั้งเพศชายและเพศหญิง  กฎหมายการซื้อและการขายบริการทางเพศมีการแตกต่างกันในหลายประเทศ เช่น ในประเทศสวีเดน การขายบริการทางเพศไม่ผิดกฎหมาย ในขณะที่การซื้อบริการทางเพศถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายสวีเดน ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ซื้อบริการและผู้จัดการจะถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าผู้ขายบริการอายุระหว่าง 16-18 ปี และถ้าผู้ขายอายุต่ำกว่า 16 ปีการขายบริการจะผิดกฎหมาย


http://thai.cri.cn/mmsource/images/2011/07/21/37ce40142b0a4075ac96e3693c28580f.jpg


8.การค้าประเวณีในประเทศไทยเรา
ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 โดยไม่ได้ถูกนำเข้ามาจากชาติตะวันตกตามเรื่องเล่ากัน การค้าประเวณีในไทยเริ่มเป็นที่แพร่หลายกับชาวตะวันตก ในช่วงที่มีการติดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับชาวตะวันตก มีหลักฐานเป็นศัพท์ในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เรียกว่า รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ใน ประมวลกฎหมายตรา 3 ดวง บทพระไอยการลักษณะผัวเมีย มีการบัญญัติผู้ค้าประเวณีว่า หญิงนครโสเภณี และสมัยสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสถานประกอบการเรียกว่า โรงหญิงนครโสเภณี โดยทั่วไปมีโคมสีเขียวตั้งข้างหน้า จึงเรียกกันว่า สำนักโคมเขียว ทั้งนี้ก่อนปีพ.ศ. 2499 การค้าประเวณีไม่ถือว่า ผิดกฎหมาย แต่เริ่ม พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 กำหนดว่าการค้าประเวณีเป็นความผิดอย่างชัดเจน แต่ในสังคมยุคใหม่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามโดยในช่วงนั้นการค้าประเวณีจะเป็นการลักลอบค้าประเวณี และปัจจุบันธุรกิจค้าประเวณีในประเทศไทยเป็นธุรกิจแอบแฝง

https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ_wumYVw--eo3MidGiakbIz6_9HIiER500Qbb0wN3CvcW8gX_4

ภาพที่ 6.7 สถานที่ค้าประเวณีในประเทศไทย
9.ข้อดีของผู้ที่ค้าประเวณี
ในทางดีนั้น หญิงนครโสเภณีได้ชื่อว่าเป็นผู้ผดุงศีลธรรมและมนุษยธรรมของสังคม กล่าวคือ หญิงพวกนี้เป็นผู้ระบายความต้องการทางเพศของผู้ชายทั้งหลาย เป็นการป้องกันหรืออย่างน้อยก็ลดจำนวนคดีเกี่ยวกับเพศ เช่น ฉุดคร่าอนาจาร ข่มขืน กระทำชำเรา กับทั้งเป็นการช่วยผดุงความบริสุทธิ์ให้แก่ครอบครัวประชาชนมิให้มีการลักลอบซ่องเสพด้วยการทำชู้ จึงมีผู้เปรียบหญิงนครโสเภณีว่าเป็นป้อมปราการสำหรับป้องกันเกียรติศักดิ์ของครอบครัวอื่น ๆ มิให้มัวหมอง และสดุดีพวกเธอว่าเป็นผู้เสียสละอุทิศร่างกายและชื่อเสียงเพื่อสาธารณประโยชน์ ออกัสตินแห่งฮิปโป นักบุญผู้หนึ่งแห่งคริสต์ศาสนา กล่าวว่า ถ้าถอนหญิงนครโสเภณีไปจากสังคมเมื่อใดก็เท่ากับหว่านพืชแห่งตัณหาให้เต็มไปหมดทั้งโลก สรุปว่า หญิงนครโสเภณีเปรียบเสมือนท่อระบายน้ำโสโครกหรือผู้เก็บกวาดสิ่งปฏิกูล ทำให้สังคมสะอาดน่าอยู่เสมอ นอกจากนั้น หญิงนครโสเภณียังเป็นเครื่องกลั่นกรองการแต่งงานของคู่สมรสได้อีกด้วย กลั่นกรองในแง่ที่ว่า ผู้ชายมีทางระบายความต้องการทางเพศของตนกับหญิงนครโสเภณี เป็นการช่วยให้เขาชะลอการแต่งงานไปได้ในเมื่อฐานะของเขายังไม่พร้อมที่จะสมรส การสมรสจึงเป็นไปด้วยความรอบคอบ ความพร้อม และความเหมาะสม ทำให้ชีวิตครอบครัวราบรื่นมั่นคง ไม่ใช่สมรสเพราะการรุนของตัณหา ซึ่งอาจทำให้ชีวิตสมรสสลายในภายหลังได้ง่าย อนึ่ง ยังช่วยผ่อนคลายความต้องการของชายที่สมรสแล้ว แต่คู่สมรสมีรสนิยมทางเพศไม่ตรงกัน เป็นการรักษาชีวิตสมรสของสามีภริยาคู่นั้นให้ดำรงราบรื่นอยู่ได้



10.ข้อเสียของผู้ที่ค้าประเวณี
1) ทำให้มีสถานค้าประเวณีคอยรับซื้อเด็กหญิงมาบังคับเป็นโสเภณี ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังและดาษดื่นอยู่เวลานี้ ทำให้มีคดีฉุดคร่าล่อลวงหญิงมาขายตามสถานดังกล่าว และทำให้มีบุคคลประเภทแมงดาเป็นกาฝากของสังคม รวมตลอดทั้งนักเลงคอยก่อความไม่สงบทำผิดกฎหมายอยู่เสมอ
2) ทางด้านตัวหญิงนครโสเภณีเองก็มักจะจุ้นจ้าน เตร็ดเตร่หาลูกค้า เป็นตัวอย่างที่ไม่ได้แก่กุลสตรีทั้งหลาย หญิงพวกนี้แม้จะเลิกอาชีพโสเภณีมามีครอบครัวก็ไม่สามารถจะเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีได้ และยังเป็นแม่พิมพ์ที่เลวของลูกต่อไปด้วย
 3) การแพร่เชื้อกามโรคซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกสังคมปราบกันไม่รู้จักจบสิ้น ตราบเท่าที่ยังมีหญิงนครโสเภณีอยู่ในสังคม ผลตามมาก็คือนอกจากจะทำให้ประชากรเป็นกามโรคซึ่งจะต้องใช้จ่ายเงินในการเยียวยารักษามากมายแล้ว ยังทำให้เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นกามโรคเป็นเด็กไม่แข็งแรง บางรายแขนด้วน ตาบอด ตาเหล่ หรือปากแหว่ง ซึ่งก็เป็นผลมาจากเชื้อกามโรคเป็นส่วนใหญ่ หาใช่เคราะห์กรรมบันดาลไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชากรของประเทศก็ขาดด้อยคุณภาพ


ปัญหาที่ตามมาอีกประการหนึ่ง คือ การทำแท้งและลูกกำพร้า ด้วยเหตุที่ว่าหญิงพวกนี้คิดแต่จะหาเงิน ไม่มีความปรารถนาจะได้บุตร เมื่อเกิดมีครรภ์ขึ้นมาก็หาทางทำแท้ง ซึ่งเป็นอันตรายต่อตัวหญิงนั้นเอง กับทั้งยังเป็นการผิดกฎหมายและศีลธรรมด้วย รายที่ไม่ทำแท้งหรือทำแท้งไม่สำเร็จ เด็กก็เกิดมา ทำให้มีคดีฆาตกรรมเด็กและคดีทอดทิ้งเด็ก เป็นภาระแก่สังคมที่ต้องรับเด็กเหล่านี้มาเลี้ยงเป็นเด็กกำพร้าเป็นจำนวนหลายร้อยหลายพัน และเด็กเหล่านี้จะเติบใหญ่ขึ้นมาด้วยร่างกายและมันสมองที่มีคุณภาพนั้นยากที่จะหวังได้

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก